วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ยีน การโคลนนิ่ง และการตัดต่อยีน

เทคโนโลยีชีวภาพ (Bio Technology) ยีน การโคลนนิ่ง และการตัดต่อยีน

            ยีน (Gene) คือ คำสั่งให้สิ่งมีชีวิตมีลักษณะตามพันธุ์ของมัน ยีนจะเป็นตัวสั่งการสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดว่าจะมีรูปร่าง หน้าตาอย่างไร จะสร้างหรือผลิตอะไรออกมา ยีนอยู่ในเซลล์ซึ่งเป็นส่วนย่อยของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตจะมียีนจำนวนมากน้อยขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของสิ่งมีชีวิตนั้น ตั้งแต่ไม่ถึงสิบในไวรัส จนถึงนับแสนในมนุษย์
           
ยีน คือ สารเคมีที่เรียกว่า ดีเอ็นเอ
DNA (Deoxyribonucleic Acid) ประกอบด้วย หน่วยย่อยที่เรียงตัวกันเป็นลำดับ เสมือนตัวอักษรที่เรียงกันเป็นข้อความกำหนดลักษณะทางพันธุกรรม ที่สามารถถ่ายทอดต่อไปยังลูกหลานได้ ดีเอ็นเอ มีโครงสร้างเป็นสายคู่ พันกันเป็นเกลียวคล้ายบันไดเวียนที่แต่ละขั้นเป็นตัวอักษรแต่ละตัว เมื่อยีนทำงานกลไกของเซลล์จะอ่านรหัสในดีเอ็นเอแล้วแปลออกมาเป็นการผลิตโปรตีนต่างๆ โปรตีนบางตัวเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตนั้น บางตัวเป็นตัวทำหน้าที่ต่างๆ ของเซลล์ เช่น ย่อยอาหาร สร้างส่วนประกอบอื่นๆ ของเซลล์ ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอม
           
การที่แต่ละยีน แต่ละโปรตีน มีหน้าที่โดยเฉพาะทำให้เราสามารถตัดยีนแต่ละยีนออกมาจากสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง แล้วนำไปใส่ในสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งมีกลไกในการทำให้ยีนจากที่อื่นสามารถทำงานได้ เราจะเรียกพืชหรือสัตว์ที่มียีนไม่ใช่ของตัวเองอยู่น้อยว่า พืชข้ามพันธุ์ หรือ สัตว์ข้ามพันธุ์ (
Transgenic plant or transgenic animal)  
            การโคลนนิ่ง (Cloning) ตามความหมาย โคลนนิ่ง (Cloning) หมายถึงการคัดลอก หรือทำซ้ำ (copy) นั่นเอง สำหรับทางการแพทย์ หมายถึงการสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่ ซึ่งมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนของเดิมทุกประการ การโคลนนิ่งเกิดอยู่เสมอในธรรมชาติ ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนได้แก่ การเกิดฝาแฝดเพศเดียวกันและหน้าตาเหมือนกัน นั่นเอง กระบวนการโคลนนิ่งที่มนุษย์ทำขึ้น ได้นำมาใช้เป็นเวลานานแล้วโดยเราไม่รู้ตัว ได้แก่การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช และตัวอ่อนสัตว์ โดยการแยกเซลล์ ซึ่งทำกันทั่วไปในวงการเกษตร
            การโคลนนิ่งที่ทำได้ยากที่สุดคือการโคลนนิ่งสัตว์ นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามโคลนนิ่งสัตว์มาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งการโคลนนิ่งสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังบางชนิด ทำได้ง่ายมาก เช่น ถ้าเราตัดปลาดาวออกเป็นสองส่วน แต่ละส่วนจะสามารถงอกเป็นปลาดาวตัวใหม่ทั้งตัวได้ แต่การโคลนนิ่งสัตว์มีกระดูก สันหลัง ทำได้ยากกว่ามาก
            ต่อมาในปี พ.ศ.
2539 นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันโรสลิน ประเทศสกอต์แลนด์ ได้สร้างแกะที่เกิดจากการโคลนเป็นผลสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก โดยเอาเซลล์ต่อมน้ำนมของแกะตัวหนึ่ง ไปผสมกับไข่ที่ไม่มีดีเอ็นเอของแม่แกะอีกตัวหนึ่ง (เนื่องจากดีเอ็นเอของไข่ถูกดูดออกไป) แล้วใช้ไฟฟ้ากระตุ้นทำให้ไข่นั้นพัฒนาไปเป็นตัวอ่อนได้ ตัวอ่อนที่ได้นี้จะมีเฉพาะดีเอ็นเอที่ได้จากเซลล์ต่อมน้ำนมจากแกะตัวแรกเท่านั้น จึงถือว่าตัวอ่อนนี้เป็นโคลนของแกะตัวแรก เปรียบได้กับการทำสำเนานั่นเอง
            หลังจากนั้น ตัวอ่อนที่ได้นี้ก็ถูกนำไปฝากไว้ในครรภ์ของแม่แกะอีกตัวหนึ่ง จนกระทั่งแม่อุ้มบุญตัวนี้คลอดลูกออกมา ลูกแกะตัวนี้มีชื่อว่า
ดอลลี่ถือกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2539 จากนั้นเป็นต้นมา นักวิทยาศาสตร์หลายกลุ่มก็ได้พัฒนาเทคนิคการโคลนนิ่งแบบอื่นที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น รวมทั้งได้มีการโคลนสัตว์อื่นๆ เช่น วัว หนู แมว สุนัข เป็นต้น

ประโยชน์ที่ได้รับจากโคลนนิ่ง ได้แก่
  • ทำให้นักวิทยาศาสตร์ได้เข้าใจขบวนการทำงานของยีน และการจำแนกชนิดของเซลล์ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ได้ในการแพทย์ เช่น ในอนาคตเมื่อเราทราบปัจจัยที่ทำหน้าที่ ปิด หรือเปิด การทำงานของยีน จะสามารถนำมารักษาโรคได้ เช่น ผู้ป่วยสมองตายจากอัมพาต  ในอนาคตอาจสามารถกระตุ้นให้เซลล์สมอง แบ่งตัวทดแทนเซลล์ที่ตายไปได้ หรือผู้ป่วยที่ไตวาย สามารถกระตุ้นการทำงานและแบ่งตัวเซลล์ไตที่เหลืออยู่ให้ทำหน้าที่ทดแทนได้
  • มีประโยชน์ในการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์และพืชหายาก และใกล้สูญพันธุ์ ให้แพร่ขยายจำนวนขึ้นได้รวดเร็วกว่าการผสมพันธุ์กันตามธรรมชาติ
  • คู่สมรสที่ไม่มีโอกาสให้กำเนิดบุตรด้วยวิธีอื่น อาจมีโอกาสได้บุตรมากขึ้น
  • ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ อาจได้อวัยวะที่เข้ากันได้ ลดความเสี่ยงต่อการใช้ยากดภูมิคุ้มกัน  
            การตัดต่อยีน (การดัดแปลงพันธุกรรม) การตัดต่อยีนเป็นเทคโนโลยีที่มุ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ เกิดจากการนำยีน (gene) หรือสารพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตอื่นใส่เข้าไปในสิ่งมีชีวิตที่ต้องการทำให้เกิดใหม่ตามลักษณะหรือคุณสมบัติที่ต้องการ หรือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากพันธุ์ที่มีในธรรมชาติ เทคโนโลยีดังกล่าวทำให้เกิด สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการดัดแปลงพันธุกรรม” (GMOs) ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีชีวภาพการตัดต่อยีนในอนาคตได้แก่ การพัฒนาพันธุ์พืชและสัตว์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเกษตร ปศุสัตว์ อุตสาหกรรม เคมีอุตสาหกรรม อาหาร ยารักษาโรค รวมทั้งการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของโลก
ประโยชน์จาก GMO
  • ปรับปรุงพันธุ์พืช
    - การพัฒนาพันธุ์พืชต้านทานแมลงและโรค
    - การพัฒนาพันธุ์พืชให้มีคุณภาพผลผลิตที่พึงประสงค์ เช่น สุกงอมช้าลง
    - การพัฒนาพันธุ์พืชให้ผลิตสารพิเศษ เช่น มีวิตามินมากขึ้น มีกลิ่นหอมมากขึ้น ตัวอย่าง เช่น มะเขือเทศสุกงอมช้าและไม่นิ่ม ฟักทองต้านไวรัส ถั่วเหลืองต้านวัชพืช มันฝรั่งต้านแมลง ฝ้ายที่ทนยาฆ่าวัชพืช Bacillus Thuringiensis (BT) ข้าวที่มีวิตามินเอ เมล็ดทานตะวันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง เป็นต้น
  • การพัฒนาพันธุ์สัตว์
    - โตเร็วกว่าปกติ และมีขนาดใหญ่กว่าปกติ
    - กินอาหารลดลง และขับถ่ายของเสียลดลง
    - ทนทานโรคและแมลง ตัวอย่าง เช่น ลูกหมูโตเร็วกว่าปกติ ถึงร้อยละ 40 และมีขนาดใหญ่กว่าหมูปกติ ในขณะที่กินอาหารลดลง 25% หมูเหล่านี้ขับถ่ายของเสียลดลงมาก วัวที่ทนโรคและแมลง ไข่ไก่ที่มีโคเลสเตอรอลน้อยลง ปลาทูน่าโตเร็วและต้านทานโรค เป็นต้น
            ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรกที่ผลิตสินค้าสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (GMOs) และในปี พ.ศ. 2523 ได้มีการอนุญาตให้จดทะเบียนสิทธิบัตรจุลินทรีย์ที่ผ่านการดัดแปลงทางพันธุกรรม ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 มีการจดสิทธิบัตรสัตว์ที่มีการดัดแปลงทางพันธุกรรม รวมทั้งมีการนำมาทดสอบในภาคสนาม และในปีพ.ศ. 2536 เริ่มมีผลิตภัณฑ์ GMOs ออกมาจำหน่ายในในเชิงพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันมีสินค้า GMOs ที่ได้รับอนุญาตจาก Food and Drug Administration (FDA) ให้วางจำหน่ายในตลาดของประเทศสหรัฐอเมริกาประมาณ 40 รายการ เช่น ถั่วเหลือง Roundup ready ฝ้ายบีที ข้าวโพดบีที และมันฝรั่งบีที เป็นต้น เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกา ถือว่าสินค้าเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาการเพาะปลูกพืช GMOs ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี พ.ศ. 2540 มีพื้นที่เพาะปลูกพืช GMOs ทั้งหมด 68.75 ล้านไร่ และในปีพ.ศ. 2541 ได้เพิ่มเป็น 173.75 ล้านไร่ โดยแบ่งเป็นประเทศสหรัฐอเมริกา 128.13 ล้านไร่ ประเทศอาร์เจนตินา 26.99 ล้านไร่ ประเทศออสเตรเลีย 17.5 ล้านไร่ และนอกจากนี้ยังมีประเทศอื่นๆเช่นประเทศเม็กซิโก สเปน ผรั่งเศส จีน อินเดีย และแอฟริกาใต้ โดยในปัจจุบันมีพืช GMOs ทั้งหมดประมาณ 40-50 ชนิดเช่นถั่วเหลือง ข้าวโพด ฝ้าย คาโนลา มันฝรั่ง มะเขือเทศ เป็นต้น
            อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัญหาของผลิตภัณฑ์
GMOs อยู่ในความสนใจของคนทั่วไปมากขึ้น เนื่องจากยังไม่มีความแน่ชัดว่าสิ่งมีชีวิตตัดต่อยีนนี้จะไม่เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคและส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม หรือความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้หลายๆประเทศจึงพยายามหามาตรการเพื่อควบคุมความเสี่ยงดังกล่าว ซึ่งในระดับนานาชาติมีมาตรการในการควบคุมพืชจีเอ็มโอกำหนดไว้ โดยได้จัดทำพิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งมีสาระสำคัญประการหนึ่งคือ การเสนอให้ใช้หลักการตกลงที่ได้มีการเห็นชอบล่วงหน้า โดยสินค้าส่งออกจีเอ็มโอต้องให้ข้อมูลอย่างละเอียดต่อประเทศผู้นำเข้า โดยเฉพาะข้อมูลด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ รวมทั้งการจัดการประเมินความเสี่ยงเพื่อขออนุญาตนำเข้า ซึ่งประเทศผู้นำเข้าต้องมีมาตรการในการตรวจสอบด้วย
            สำหรับมาตรการเกี่ยวกับพืชจีเอ็มโอของไทยโดยสรุปก็คือ ไม่อนุญาตให้มีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์หรือพันธุ์พืชจีเอ็มโอ เพื่อเพาะปลูกในเชิงพาณิชย์ ยกเว้นเพื่อการศึกษาวิจัยเท่านั้น และการศึกษาวิจัยก็ให้ดำเนินการเฉพาะในโรงเรือนหรือแปลงทดลองเท่านั้นมิให้ดำเนินการในไร่นาของเกษตรกร



เทคโนโลยีชีวภาพ มีความสำคัญอย่างไร ?

เทคโนโลยีชีวภาพ มีความสำคัญอย่างไร
           
เทคโนโลยีชีวภาพได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ทั้งทางด้านเกษตรกรรม อาหาร การแพทย์ และเภสัชกรรม โดยมีวัตถุประสงค์ต่าง ๆ อาทิ เพื่อลดปริมาณการใช้สารเคมี เพื่อเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เพื่อคิดค้นอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้น เพื่อค้นคิดตัวยาป้องกันและรักษาโรค ซึ่งล้วนเป็นการนำเทคโนโลยีชีวภาพมารับใช้ประชากรโลก ในการสร้างสรรค์พัฒนาให้มวลมนุษย์สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
           
ปัจจุบัน มีการนำวิทยาการด้านเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง ที่เด่นชัดที่สุดคือ ในทางการแพทย์และการเกษตร ทั้งนี้เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพได้ก่อให้เกิดความหวังใหม่ ๆ ในการคิดค้นหนทางแก้ปัญหาสำคัญที่โลกกำลังเผชิญอยู่ทั้งทางด้านเกษตรกรรม อาหาร การแพทย์ และเภสัชกรรมอันได้แก่
  • ความพยายามจะลดประมาณการใช้สารเคมีในเกษตรกรรม ด้วยการคิดค้นพันธุ์พืชใหม่ที่ต้านทานโรคศัตรูพืช อันจะช่วยลดปัญหาการใช้สารเคมีซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุของปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
  • ความพยายามจะเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกของโลก ด้วยการปรับปรุงพันธุ์พืชใหม่ ที่ทนทานต่อภาวะแห้งแล้ง หรืออุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินไป
  • ความพยายามจะเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรของโลก ด้วยการคิดค้นปรับปรุงพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ที่ทนทานต่อโรคภัยและให้ผลิตสูงขึ้น
  • ความพยายามจะค้นคิดอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูงขึ้นหรือมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อผู้บริโภคมากขึ้น เช่นอาหารไขมันต่ำ อาหารที่คงความสดได้นานกว่า อาหารที่มีอายุการบริโภคนานขึ้นโดยไม่ต้องใส่สารเคมี เป็นต้น
  • ความพยายามจะค้นคิดตัวยาป้องกันและรักษาโรคติดต่อหรือโรคร้ายแรงต่าง ๆ ที่ยังไม่มีวิธีรักษาที่ได้ผล เช่น การคิดตัวยาหยุดยั้งการลุกลามของเนื้อเยื่อมะเร็งแทนการใช้สารเคมีทำลาย การคิดค้นวัคซีนป้องกันไวรัสตับต่าง ๆ   ในเชิงพาณิชย์ บริษัทใหญ่ ๆ ของโลกได้คิดค้นผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพด้านเภสัชภัณฑ์และเกษตรที่มีคุณสมบัติอันเป็นที่ต้องการของแต่ละสาขาออกจำหน่าย เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ของโลกมากมาย
ผลงานวิจัยค้นคว้าทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่ได้รับการยอมรับว่ามีประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ มีอาทิ

  • เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการเกษตร คือ การพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์พืช โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและเซลล์พืช การตัดแต่งยีน ตัวอย่างเช่นการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อขยายพันธุ์กล้วยไม้ ไผ่ การพัฒนาพันธุ์พืชต้านทานต่อศัตรูพืช โรคพืช การพัฒนาผลไม้ให้สุกงอมช้า
  • เทคโนโลยีชีวภาพเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร คือการเพิ่มคุณค่าผลผลิตของอาหาร ตัวอย่างเช่น การลดปริมาณโคเลสเตอรอลในไข่แดง การทำให้โคและสุกรเพิ่มปริมาณเนื้อ
  • เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อสิ่งแวดล้อม คือ การลดการใช้สารเคมีที่เป็นผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่าง เช่น การผลิตปุ๋ยชีวภาพจากสารอินทรีย์ การใช้จุลินทรีย์ในการกำจัดขยะหรือน้ำเน่าเสีย
  • เทคโนโลยีการแพทย์เพื่อสุขภาพ ตัวอย่างเช่น การผลิตวัคซีนป้องกันโรค การผลิต แอนติบอดีเพื่อตรวจวินิจฉัยโรคและการเยียวยารักษา การใช้เทคโนโลยีดีเอ็นเอตรวจสอบโรคทางพันธุกรรม  

เทคโนโลยีชีวภาพ คือ อะไร ?

เทคโนโลยีชีวภาพ (Bio Technology)

เทคโนโลยีชีวภาพ (Bio Technology) คืออะไร
            เทคโนโลยีชีวภาพเป็นเทคนิคการนำสิ่งมีชีวิต หรือชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิตมาพัฒนาหรือปรับปรุงพืชสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อประโยชน์เฉพาะตามที่ต้องการ แม้จะฟังดูเป็นศัพท์วิชาการแต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด มนุษย์เราได้นำประโยชน์จากกระบวนการทางเทคโนโลยีชีวภาพเข้ามาใช้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราเป็นเวลานานนับพัน ๆ ปีมาแล้วในรูปแบบง่าย ๆ ได้แก่ การหมักดองอาหาร เช่น เต้าเจี้ยว แหนม ปลาร้า เป็นต้น การทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น สุรา ไวน์ เบียร์ เป็นต้น
            ปัจจุบันเทคโนโลยีชีวภาพ หมายถึง เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีวิทยาศาสตร์เป็นรากฐาน ประกอบด้วยหลายสาขาวิชาผสมผสานกัน ได้แก่ สาขาชีววิทยา จุลชีววิทยา เคมี อณูพันธุศาสตร์ที่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ เช่น จุลินทรีย์ พืช และสัตว์มาใช้ประโยชน์ เป็นสหวิทยาการที่นำความรู้พื้นฐานสิ่งมีชีวิตไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ตั้งแต่เรื่องการขยายและปรับปรุงพันธุ์สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย การนำผลผลิตจากสิ่งมีชีวิตไปแปรรูปเป็นอาหารหรือยา รวมถึงกระบวนการที่ใช้แปรรูปผลผลิตในระดับโรงงานและกระบวนการที่ใช้สิ่งมีชีวิต เช่น จุลชีพในการบำบัดน้ำเสีย หรือ การนำของเสียไปใช้ประโยชน์ เช่น นำไปใช้ทำปุ๋ย เป็นต้น